วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Week 9 : เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ (3)






ประวัติฟุตบอล ความเป็นมาของฟุตบอล

 
ฟุตบอล (Football) หรือซอคเก้อร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่นมากที่สุดในโลก ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอน เพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ซูเลอ" (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio) มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่ากีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นที่มีกติกาการแข่งขันที่แน่นอน คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอลในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431

วิวัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ตลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ เช่น สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา "แกลโล-โรมัน" (Gello-Roman) พร้อมกีฬาต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล (Gaul) อันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอลในอนาคต และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอ
 

วิวัฒนาการของฟุตบอล

 
  • ภาคตะวันออกไกล
    ขงจื้อได้กล่าวไว้ในหนังสือ "กังฟู" เกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ใช้เท้าและศีรษะในสมัยจักรพรรดิ์ เซิงติ (Emperor Cneng Ti) (ปี 32 ก่อนคริสตกาล) มีการเล่นกีฬาที่คล้ายกับฟุตบอลซึ่งเรียกว่า"ซือ-ซู" (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกหนังด้วยเท้า กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ซึ่งนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นได้ยกย่องผู้เล่นที่มีชื่อเสียงให้เป็นวีรบุรุษของชาติ และในสมัยเดียวกันได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอลในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
  • ภาคตะวันออกกลาง
    ในกรุงโรม ความเจริญของตะวันออกไกลได้แผ่ขยายถึงตะวันออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอิทธิพลของสงคราม โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช การเล่นกีฬาชนิดหนึ่งเรียกว่า ฮาร์ปาสตัม เป็นกีฬาที่นิยมของชาวโรมันและชาวกรีกโบราณวิธีการเล่นคือ มีประตูคนละข้าง แล้วเตะลูกบอลไปยังจุดหมายที่ต้องการ เช่น จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขว้างไปข้างหน้าฮาร์ปาสตัม หมายถึงการเหวี่ยงไปข้างหน้า การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัมในกรุงโรมดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิดของกีฬาซึ่งมีการเล่นในสมัยกลาง
    ในการเล่นฮาร์ปาสตัม ขนาดของสนามจะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอ แต่จุดประสงค์ของกีฬาทั้งสองคือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน แต่เนื่องจากมีเสียงอึกทึกโครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า จึงมีพระบรมราชโองการในนามของพระเจ้าแผ่นดินห้ามเล่นกีฬาดังกล่าวในเมือง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนูในวันฉลองต่าง ๆ แทนการเล่นเกมฟุตบอล

    ในโอกาสต่อมากีฬาฟุตบอลได้จัดให้มีการแข่งขันกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทีมต่างๆ ที่อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 ไมล์ ( 5-6.5 กิโลเมตร) ในปี พ.ศ. 2344 กีฬาชนิดนี้ได้ขัดเกลาให้ดีขึ้น มีการกำหนดจำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง ขนาดของสนามอยู่ในระหว่าง 80 - 100 หลา (73-91 เมตร) และมีประตูทั้งสองข้างที่ริมสุดของสนามซึ่งทำด้วยไม้ 2 อัน ห่างกัน 2-3 ฟุต

    ในปี พ.ศ. 2366 ได้จัดให้มีการเล่นฟุตบอลในรูปแบบของการเล่นใน ปัจจุบัน William Alice คือผู้เริ่มวางกฎบังคับต่างๆ สำหรับกีฬาฟุตบอลและรักบี้ ในปี พ.ศ. 2393 ได้มีการออกระเบียบและกฎของการเล่นไปสู่ ดินแดนต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้มีข้างละ 15-20 คน

    ในปี พ.ศ. 2413 มีการกำหนดผู้เล่นให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า 9 คน และผู้เล่นรักษาประตู 2 คน โดยผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเหมือน 9 คนแรกจนกระทั่งให้เหลือผู้รักษาประตู 1 คน แต่อนุญาตให้ใช้มือจับลูกบอลได้ในปี พ.ศ. 2423

    ในปี พ.ศ. 2400 สโมสรฟุตบอลได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรกที่เมืองเซนพัสด์ประเทศอังกฤษ และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2406 สโมสรฟุตบอล 11 แห่งได้มารวมกันที่กรุงลอนดอนเพื่อก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น ซึ่งถือเป็นรากฐานในการกำเนิดสมาคมแห่งชาติ จนถึง 140 สมาคม และทำให้ผู้เล่นฟุตบอลต้องเล่นตามกฎและกติกาของสมาคมฟุตบอล จนเวลาผ่านไปจากคำว่า Association ก็ย่อเป็น Assoc และกลายเป็น Soccer ขึ้นในที่สุด ซึ่งนิยมเรียกกันในประเทศอังกฤษ แต่ชาวอเมริกันเรียกว่า Football หมายถึง American football
    ภายนอกเกาะอังกฤษ พวกกะลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า วิศวกร หรือแม้แต่นักบวชได้นำกีฬาชนิดนี้ไปเผยแพร่ ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป

    ในอเมริกาใต้ สโมสรแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพี่น้องชาวอังกฤษ 2 คน ได้ลงข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของเมืองบูเอโนสไอเรส (Buenos Aires) เพื่อ หาผู้อาสาสมัคร ในปี พ.ศ. 2427 กีฬาฟุตบอลก็กลายมาเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนของเมืองบูเอโนสไอเรส การแข่งขันระดับชาติครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ คือ การแข่งขันระหว่างอาร์เจนตินากับอุรุกวัย ในปี พ.ศ.2448 แต่อเมริกาเหนือเริ่มแข่งขันเมื่อปี พ.ศ. 2435

    ในอิตาลี ฮาร์ปาสตัมเป็นต้นกำเนิดจิโอโค เดล คาลซิโอ ผู้เล่นกีฬาจะเป็นผู้นำทางสังคม หรือแม้แต่ผู้นำชั้นสูงของศาสนา เช่นสันตปาปา เกลาเมนต์ที่ 7 ลีออนที่ 10 และเออร์เบนที่ 7 เป็นถึงแชมเปี้ยนในกีฬาฟลอเรนไทน์ฟุตบอล ต่อมาชาวโรมันได้ดัดแปลงเกมการเล่นฮาร์ปาสตัมเสียใหม่ โดยกำหนดให้ใช้เท้าแตะลูกบอลเท่านั้น ส่วนมือให้ใช้เฉพาะการทุ่มลูกบอล ซึ่งนักรบชาวโรมัน นิยมเล่นกันมาก
    กีฬาฮาร์ปาสตัมซึ่งมีต้นกำเนิดจากสมัยโรมันได้ถูกแปลงมาเป็นกีฬาซูลอหรือซูเลอ กีฬาชนิดนี้เหมือนกับฮาร์ปาสตัม คือ นำลูกบอลกลับไปยังแดนของตน แต่สนามมีขนาดกว้างกว่ามาก
    การเล่นซูเลอมักจะมีขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์หลังการสวดมนต์เย็น จะมีการแข่งขันสำคัญในช่วงเวลาดีคาร์นิวาล กีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในเขตปริตานีและมอร์ลังดี กีฬานี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังอังกฤษโดยผู้ติดตามของวิลเลี่ยมผู้พิชิตภายหลัง การรบที่เฮสติ้ง (Hasting)

    เมื่อ 900 ปีกว่ามาแล้ว ประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ในความปกครองของพวกเคนส์ เชื้อสายโรมัน ซึ่งยกกองทัพมาตีหมู่เกาะอังกฤษตอนใต้ และได้ปกครองเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 1589 อังกฤษเริ่มเข้มแข็งขึ้น และสามารถขับไล่พวกเคนส์ออกจากประเทศได้ หลังจากนั้น 2-3 ปี อังกฤษจึงเริ่มปรับปรุงประเทศเป็นการใหญ่ มีการขุดอุโมงค์ตามพื้นที่หลายแห่ง ซึ่งในการขุดอุโมงค์คนงานคนหนึ่งได้ขุดไปพบกะโหลกศีรษะในบริเวณที่เคยเป็นสนามรบ และเป็นที่ฝังศพของพวกเคนส์มาก่อนทุกคนในที่นั้นแน่ใจว่าเป็นกะโหลกศีรษะของพวกเคนส์ อารมณ์แค้นจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อต่างคนต่างคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกพวกเคนส์กดขี่ทารุณจิตใจคนอังกฤษในสมัยนั้นด้วยเหตุผลนี้ คนงานคนหนึ่งจึงเตะกะโหลกศีรษะนั้นทันที ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันหยุดงานชั่วคราว แล้วหันมาเตะกะโหลกศีรษะเป็นการใหญ่ เพื่อระบายอารมณ์แค้นที่เก็บไว้อย่างสนุกสนาน ผลที่สุดเมื่อพวกนี้หากะโหลกศีรษะเตะกันไม่ได้ก็เอาถุงลมของวัวมาทำเป็นลูกกลมขึ้นเตะแทนกะโหลกศีรษะ ปรากฏว่าเป็นที่รื่นเริงสนุกสนามกันมาก
    ต่อมาชาวโรมันได้นำเกมนี้ไปเล่นในอังกฤษ จากนั้นชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงวิธีการเล่น เทคนิคการเล่น ตลอดจนกติกาให้เหมือนในสมัยปัจจุบัน คือเกมฟุตบอลที่ใช้เท้าเล่น แต่ในระยะแรกของการเล่นฟุตบอลจะเล่นกันเป็นกลุ่มๆ เฉพาะพวกคนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เล่น ประตูจะห่างกันเป็นไมล์ และใช้เวลาในการเล่นหลายชั่วโมง จะเป็นการเล่นระหว่างทหารใหม่ที่ถูกเกณฑ์ นักบวช คนที่แต่งงานแล้ว คนโสด และพวกพ่อค้า เกมชนิดได้กลายเป็นสิ่งฉลองในงานพิธีต่างๆ เช่น ในวันโชรพ ทิวส์เดย์ (Shrove Tuesday) จะมีฟุตบอลนัดสำคัญให้คนได้ชม เกมในสมัยนั้นจะเล่นกันอย่างรุนแรงและมีการบาดเจ็บกันมาก
    ในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 1857 พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ 2 ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกา เนื่องจากมีเสียงอึกทึกครึกโครมจาการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุมากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า โดยห้ามเล่นกีฬาดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก

    ฟุตบอลได้เริ่มแข่งขันภายใต้กฎของสมาคมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2412 ระหว่างทีมรัตเกอร์กับทีมบรินท์ตัน จากนั้นกิจการฟุตบอลได้เจริญขึ้นช้าๆ ในต่างจังหวัดจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการตั้งสมาคมฟุตบอลต่างจังหวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2450 และมีการฝึกสอนในปี พ.ศ. 2484
  • ในทวีปเอเชีย
    อินเดียเป็นประเทศแรกที่เริ่มเล่นฟุตบอล ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยกัลกัตตา เป็นผู้นำสำเนากฎหมายการเล่นมาเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2426 และในปี พ.ศ. 2435 ได้มีการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรก ในทวีปซึ่งยังไม่มีชื่อเสียงในด้านการเล่นฟุตบอล กีฬาชนิดนี้ก็ได้เริ่มมีการเล่นมาก่อนร่วมร้อยปีแล้ว เช่น สมาคมฟุตบอลแห่งนิวเซาท์เวลส์ ได้ถูกตั้งขึ้นในออสเตรเลีย ปี พ.ศ. 2425 และสมาคมฟุตบอลของนิวซีแลนด์ได้ถูกตั้งขึ้นหลังจากนั้น 9 ปี
  • ในแอฟริกา
     สมาคมระดับชาติแห่งแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ แต่อียิปต์เป็นประเทศแรกที่มีการแข่งขันระดับชาติในปี พ.ศ. 2467 คือ 3 ปี หลังจากที่ได้ก่อตั้งสมาคมขึ้น และอียิปต์สามารถเอาชนะฮังการีได้ 3-0 ในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส

    การแข่งขันระดับชาติเป็นการแข่งขันระหว่างอังกฤษกับสกอตแลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 และในปีแรกของศตวรรษที่ 20 โดยประเทศยุโรปอื่นๆ อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2447 กลุ่มประเทศต่างๆ ในแถบนี้ได้ประชุมกันที่ปารีสเพื่อตั้งสมาคมฟุตบอลนานาชาติขึ้น ในครั้งแรกก่อนการจัดตั้งสหพันธ์ 20 วัน สเปนและเดนมาร์กไม่เคยร่วมการแข่งขันระดับชาติมาก่อน และ 3 ประเทศใน 7 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมยังไม่มีสมาคมฟุตบอลในชาติของตน แต่ฟีฟ่าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา โดยมีสมาชิก 5 ชาติ ในปี พ.ศ. 2481 และ 73 ชาติ ในปี พ.ศ. 2493 และในปัจจุบันมีสมาชิกถึง 146 ประเทศ ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของฟีฟ่า ทำให้ฟีฟ่าเป็นองค์การกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    สมาพันธ์ประจำทวีปของสมาคมฟุตบอลแห่งแรกที่ตั้งขึ้นคือ Conmebol ซึ่งเป็นสมาพันธ์ของอเมริกาใต้ สมาพันธ์นี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อจัดตั้งเพื่อจัดการแข่งขันชิงชนะเลิศภายในทวีปอเมริกาใต้ ในปี พ.ศ. 2460 เกือบครึ่งศตวรรษ ต่อมาเมื่การแข่งขันภายในทวีปได้แพร่หลายมากขึ้น จึงได้มีการจัดตั้งสมาพันธ์ในทวีปอื่นๆ ขึ้นอีกคือสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งในทวีปเอเชีย และ 2 ปี ก่อนการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งแอฟริกา (Concacaf)หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอเมริกากลาง อเมริกาเหนือ และแคริบเบี้ยน ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 และน้องใหม่ในวงการฟุตบอลโลกคือ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งโอเชียนเนีย (Oceannir)


อ้างอิง

http://www.educatepark.com/story/soccer.php

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 8 : Review/แนะนำการใช้โปรแกรม


Line เป็นโปรแกรมที่เพื่อน ๆ ทุกคนรู้จักและใช้กันอย่างเป็นประจำอยู่แล้ว วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการใช้โปรแกรม line 

 STEP1 : เหมือนกับทุกแอพพลิเคชั่นขาแชท เริ่มเลยเราก็ต้องลงทะเบียนกันก่อน สำหรับท่านที่ใช้ iPad, iPad Wi-Fi (พวกไม่มี Sim) ให้ทำการใส่เบอร์มือถือธรรมดาของเราที่จะใช้งานเข้าไป (เพื่อทำการรับ Code Verify มายืนยันในการสมัคร) จากนั้นกด Verify Phone Number และรอรับ SMS
 
 
 STEP2: จะมี SMS ส่งเข้าในเบอร์ที่เราสมัครไปมีข้อความว่า "Please enter XXXXX into Line within the next 30 mins" นำ Code ไปใส่ใน Line App และกด Verify 
 
 
 STEP3: จากนั้นให้ทำการสร้าง Username ก็ให้เราใส่ชื่อเข้าไปตามที่ต้องการได้เลย 
 
 
 
 
 STEP4: เริ่มใช้งานออกแบบอินเตอร์เฟด ไม่ต่างอะไรกับ Whats App มากนักโดย Line App จะดึง Contact Book ใน iPhone ของเรามาและจะแจ้งว่าใครที่ลงแอพอยู่บ้าง และเราก็สามารถพิพม์หาเพื่อนของเราได้เลย 
 
 
การเพิ่มเพื่อนเข้าไปใน Line App นั้นมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งวิธีการ Shake iT ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่น่าสนใจวิธีการใช้งานคือ นำเครื่อง iPhone ที่ลง Line App มา Shake ข้างๆ กันก็จะสามารถเพิ่มเพื่อนได้แล้ว และมีระบบ QR Code ได้อีกด้วย
 
 
 STEP5: เมื่อเพิ่มเพื่อนเรียบร้อยแล้วมาเริ่มแชทกันโดยกดไปที่ชื่อเพื่อน Line App จะมีให้เราเลือกว่าจะโทรหาหรือว่าจะแชท เลือกกันได้ตามใจชอบครับ การโทรนั้นเสียงดีพอๆ กับ Maaii ที่ว่าเสียงใสกิ้ง เลยหละครับ
 
 
มาถึงหน้า Chat ทำหน้าตาออกมาได้น่าใช้งานมาก ใน Version Line 1.7 สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังได้อีกด้วย
 
 
สิ่งที่ไม่มีแอพพลิเคชั่นไหนเทียบได้ก็คือ Emotion และ Stickers ที่ทาง Line App เตรียมไว้นั้นมากมายเหลือเกิน (และมีเพิ่มเข้ามาอีกเรื่อยๆ) ทำให้สาวๆ ต่างหลงไหลในแอพพลิเคชั่นนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ Whats App ตกกระป๋องไปเลย
 

Line คือ , Emotion , Stickers 1,000
 
 
 STEP6: และสุดท้ายก็คือ Setting การตั้งค่า Display Name อยู่ที่หน้าจอนี้อยากบอกสถานะอะไรแก่เพื่อนๆ เราก็สามารถพิพม์ได้เลย ทั้งยังสามารถตั้งเสียงเตือน ต่างๆ ได้จากเมนูนี้ทั้งหมด
 
 
   สำหรับ Line App แอพน้องใหม่นี้ มาแรงมิใช่น้อยเลยหละครับ ทางผู้ผลิตจัดมาเต็มจริงๆ แต่ก็ยังม่จุดด้อยอยู่นิดหน่อยก็คือ มีแค่ระบบปฎิบัติการ Apple iOs และ Android OS เท่านั้น ซึ่งยังทำให้ไม่สามารถดึงคนมาจาก Whatsapp ได้เพราะว่าทาง Whatsapp นั้นสามารถคุยได้เกือบทุกระบบแล้วนั่นเอง แต่ในอนาคตผู้ผลิตคงจะทำลงในระบบปฎิบัติการอื่นๆ แน่ครับ

อ้างอิง : http://www.itallnews.com/all/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7-line-app-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94/ 

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอ



Global network the Internet. 3D image.


ที่มา : https://thitipa51.wordpress.com/



เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร
 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในระบบเครือข่ายร่วมกันได้เช่น เครื่องพิมพ์ ซีดีรอม ฮาร์ดดิสก์ สแกนเนอร์ เป็นต้น

รูปที่ 1 เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบง่าย ๆ
 การใช้แผ่นดิสก์บันทึกข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลแล้วส่งให้ผู้ใช้คนอื่นโดยใช้คนเป็นสื่อในการรับส่งข้อมูล ถือได้ว่าเป็นเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพต่ำมาก เพราะการส่งแผ่นดิสก์ช้ามากเมื่อเทียบกับความเร็วของคอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะนี้เรียกว่า “Sneakernet” เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ใช้ในสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเครือข่ายใช้ และบางครั้งก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะอย่างนี้อยู่ในปัจจุบัน สำหรับองค์กรที่ยังไม่ได้ติดตั้งระบบเครือข่าย

รูปที่ 2 Sneakernet
ทำไมต้องสร้างเครือข่าย
 เพื่อติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

รูปที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ประโยชน์ของเครือข่าย
  1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Share) เช่น เครื่องพิมพ์ ฮาร์ดดิสก์ ซีดีไรท์เตอร์สแกนเนอร์ไว้ในเครือข่าย เป็นต้น
  3. ประหยัดเนื่องจากสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน
  4. สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมลล์ ในการติดต่อผู้ที่อยู่ห่างไกลได้ อย่างรวดเร็ว
  5. สามารถสนทนาผ่านเครือข่าย หรือการแชต  (Chat)
  6. สามารถประชุมระยะไกล (Video Conference)
  7. สามารถใช้ไฟล์ต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น รูปภาพ วีดีโอ เพลง เป็นต้น
  8. สามารถใช้โปรแกรมต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น ไมโครซอฟท์ออฟฟิต โปรแกรมฐานข้อมูล เป็นต้น
องค์ประกอบพื้นฐานของเครือข่าย         

รูปที่ 4 องค์ประกอบพื้นฐานของเครือข่าย

1.   คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่อง
2.   เน็ตเวิร์คการ์ด หรือ NIC (Network Interface card) เป็นการ์ดที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับเครือข่าย
3.   สื่อกลางและอุปกรณ์สำหรับรับส่งข้อมูล เช่น สายสัญญาณ ได้แก่ สายโคแอคเชียล สายคู่บิดเกลียว สายใยแก้วนำแสง เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์เครือข่ายเช่น ฮับ สวิทช์                   เราท์เตอร์
4.   โปรโตคอล (Protocol) เป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้สื่อสารกันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่สามารถสื่อสารกันได้นั้นจำเป็นต้องเป็นโปรโตคอลเดียวกัน เช่น  TCP/IP, IPX/SPX
5.  ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หรือ NOS (Network Operating System) เป็นตัวที่คอยจัดการเกี่ยวกับการใช้งานเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละคน และควบคุมการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ  ของเครือข่าย ระบบปฏัติการเครือข่ายที่นิยม เช่น Windows Server 2003, Novell Netware, Sun Solaris และ Red Hat Linux 

รูปที่ 5 อุปกรณ์พื้นฐานของเครือข่าย
ที่มา : www.aksorn.com , www.chome.info, http://student.nu.ac.th,
                           http://round2store.com, ww.techfuels.com
การจำแนกประเภทของเครือข่าย มี 3 วิธีคือ
 1. ใช้ขนาดทางกายภาพของเครือข่ายเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 2  ประเภทดังนี้
1.1 LAN (Local Area Network) : หรือเครือข่ายท้องถิ่น
1.2 WAN (Wide Area Network) : หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง
2. ใช้ลักษณะหน้าที่การทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเป็นเกณฑ์  แบ่งออกเป็น 2  ประเภทดังนี้
2.1 Peer to Peer Network  : หรือเครือข่ายแบบเทียบเท่า
2.2 Client Server Network : หรือเครือข่ายแบบผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
3. ใช้ระดับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 3  ประเภทดังนี้
3.1 Intranet : หรือเครือข่ายส่วนบุคคล
3.2 Internet : หรือเครือข่ายสาธารณะ
3.3 Extranet : หรือเครือข่ายร่วม

อ้างอิง :
https://sites.google.com/site/krucombuntharik/raywicha-rabb-kherux-khay/kha-xthibay-raywicha/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-1