วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 8 : Review/แนะนำการใช้โปรแกรม


Line เป็นโปรแกรมที่เพื่อน ๆ ทุกคนรู้จักและใช้กันอย่างเป็นประจำอยู่แล้ว วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการใช้โปรแกรม line 

 STEP1 : เหมือนกับทุกแอพพลิเคชั่นขาแชท เริ่มเลยเราก็ต้องลงทะเบียนกันก่อน สำหรับท่านที่ใช้ iPad, iPad Wi-Fi (พวกไม่มี Sim) ให้ทำการใส่เบอร์มือถือธรรมดาของเราที่จะใช้งานเข้าไป (เพื่อทำการรับ Code Verify มายืนยันในการสมัคร) จากนั้นกด Verify Phone Number และรอรับ SMS
 
 
 STEP2: จะมี SMS ส่งเข้าในเบอร์ที่เราสมัครไปมีข้อความว่า "Please enter XXXXX into Line within the next 30 mins" นำ Code ไปใส่ใน Line App และกด Verify 
 
 
 STEP3: จากนั้นให้ทำการสร้าง Username ก็ให้เราใส่ชื่อเข้าไปตามที่ต้องการได้เลย 
 
 
 
 
 STEP4: เริ่มใช้งานออกแบบอินเตอร์เฟด ไม่ต่างอะไรกับ Whats App มากนักโดย Line App จะดึง Contact Book ใน iPhone ของเรามาและจะแจ้งว่าใครที่ลงแอพอยู่บ้าง และเราก็สามารถพิพม์หาเพื่อนของเราได้เลย 
 
 
การเพิ่มเพื่อนเข้าไปใน Line App นั้นมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งวิธีการ Shake iT ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่น่าสนใจวิธีการใช้งานคือ นำเครื่อง iPhone ที่ลง Line App มา Shake ข้างๆ กันก็จะสามารถเพิ่มเพื่อนได้แล้ว และมีระบบ QR Code ได้อีกด้วย
 
 
 STEP5: เมื่อเพิ่มเพื่อนเรียบร้อยแล้วมาเริ่มแชทกันโดยกดไปที่ชื่อเพื่อน Line App จะมีให้เราเลือกว่าจะโทรหาหรือว่าจะแชท เลือกกันได้ตามใจชอบครับ การโทรนั้นเสียงดีพอๆ กับ Maaii ที่ว่าเสียงใสกิ้ง เลยหละครับ
 
 
มาถึงหน้า Chat ทำหน้าตาออกมาได้น่าใช้งานมาก ใน Version Line 1.7 สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังได้อีกด้วย
 
 
สิ่งที่ไม่มีแอพพลิเคชั่นไหนเทียบได้ก็คือ Emotion และ Stickers ที่ทาง Line App เตรียมไว้นั้นมากมายเหลือเกิน (และมีเพิ่มเข้ามาอีกเรื่อยๆ) ทำให้สาวๆ ต่างหลงไหลในแอพพลิเคชั่นนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ Whats App ตกกระป๋องไปเลย
 

Line คือ , Emotion , Stickers 1,000
 
 
 STEP6: และสุดท้ายก็คือ Setting การตั้งค่า Display Name อยู่ที่หน้าจอนี้อยากบอกสถานะอะไรแก่เพื่อนๆ เราก็สามารถพิพม์ได้เลย ทั้งยังสามารถตั้งเสียงเตือน ต่างๆ ได้จากเมนูนี้ทั้งหมด
 
 
   สำหรับ Line App แอพน้องใหม่นี้ มาแรงมิใช่น้อยเลยหละครับ ทางผู้ผลิตจัดมาเต็มจริงๆ แต่ก็ยังม่จุดด้อยอยู่นิดหน่อยก็คือ มีแค่ระบบปฎิบัติการ Apple iOs และ Android OS เท่านั้น ซึ่งยังทำให้ไม่สามารถดึงคนมาจาก Whatsapp ได้เพราะว่าทาง Whatsapp นั้นสามารถคุยได้เกือบทุกระบบแล้วนั่นเอง แต่ในอนาคตผู้ผลิตคงจะทำลงในระบบปฎิบัติการอื่นๆ แน่ครับ

อ้างอิง : http://www.itallnews.com/all/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7-line-app-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94/ 

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอ



Global network the Internet. 3D image.


ที่มา : https://thitipa51.wordpress.com/



เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร
 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในระบบเครือข่ายร่วมกันได้เช่น เครื่องพิมพ์ ซีดีรอม ฮาร์ดดิสก์ สแกนเนอร์ เป็นต้น

รูปที่ 1 เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบง่าย ๆ
 การใช้แผ่นดิสก์บันทึกข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลแล้วส่งให้ผู้ใช้คนอื่นโดยใช้คนเป็นสื่อในการรับส่งข้อมูล ถือได้ว่าเป็นเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพต่ำมาก เพราะการส่งแผ่นดิสก์ช้ามากเมื่อเทียบกับความเร็วของคอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะนี้เรียกว่า “Sneakernet” เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ใช้ในสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเครือข่ายใช้ และบางครั้งก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะอย่างนี้อยู่ในปัจจุบัน สำหรับองค์กรที่ยังไม่ได้ติดตั้งระบบเครือข่าย

รูปที่ 2 Sneakernet
ทำไมต้องสร้างเครือข่าย
 เพื่อติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

รูปที่ 3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ประโยชน์ของเครือข่าย
  1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Share) เช่น เครื่องพิมพ์ ฮาร์ดดิสก์ ซีดีไรท์เตอร์สแกนเนอร์ไว้ในเครือข่าย เป็นต้น
  3. ประหยัดเนื่องจากสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน
  4. สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมลล์ ในการติดต่อผู้ที่อยู่ห่างไกลได้ อย่างรวดเร็ว
  5. สามารถสนทนาผ่านเครือข่าย หรือการแชต  (Chat)
  6. สามารถประชุมระยะไกล (Video Conference)
  7. สามารถใช้ไฟล์ต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น รูปภาพ วีดีโอ เพลง เป็นต้น
  8. สามารถใช้โปรแกรมต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น ไมโครซอฟท์ออฟฟิต โปรแกรมฐานข้อมูล เป็นต้น
องค์ประกอบพื้นฐานของเครือข่าย         

รูปที่ 4 องค์ประกอบพื้นฐานของเครือข่าย

1.   คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่อง
2.   เน็ตเวิร์คการ์ด หรือ NIC (Network Interface card) เป็นการ์ดที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับเครือข่าย
3.   สื่อกลางและอุปกรณ์สำหรับรับส่งข้อมูล เช่น สายสัญญาณ ได้แก่ สายโคแอคเชียล สายคู่บิดเกลียว สายใยแก้วนำแสง เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์เครือข่ายเช่น ฮับ สวิทช์                   เราท์เตอร์
4.   โปรโตคอล (Protocol) เป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้สื่อสารกันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่สามารถสื่อสารกันได้นั้นจำเป็นต้องเป็นโปรโตคอลเดียวกัน เช่น  TCP/IP, IPX/SPX
5.  ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หรือ NOS (Network Operating System) เป็นตัวที่คอยจัดการเกี่ยวกับการใช้งานเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละคน และควบคุมการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ  ของเครือข่าย ระบบปฏัติการเครือข่ายที่นิยม เช่น Windows Server 2003, Novell Netware, Sun Solaris และ Red Hat Linux 

รูปที่ 5 อุปกรณ์พื้นฐานของเครือข่าย
ที่มา : www.aksorn.com , www.chome.info, http://student.nu.ac.th,
                           http://round2store.com, ww.techfuels.com
การจำแนกประเภทของเครือข่าย มี 3 วิธีคือ
 1. ใช้ขนาดทางกายภาพของเครือข่ายเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 2  ประเภทดังนี้
1.1 LAN (Local Area Network) : หรือเครือข่ายท้องถิ่น
1.2 WAN (Wide Area Network) : หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง
2. ใช้ลักษณะหน้าที่การทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเป็นเกณฑ์  แบ่งออกเป็น 2  ประเภทดังนี้
2.1 Peer to Peer Network  : หรือเครือข่ายแบบเทียบเท่า
2.2 Client Server Network : หรือเครือข่ายแบบผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
3. ใช้ระดับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 3  ประเภทดังนี้
3.1 Intranet : หรือเครือข่ายส่วนบุคคล
3.2 Internet : หรือเครือข่ายสาธารณะ
3.3 Extranet : หรือเครือข่ายร่วม

อ้างอิง :
https://sites.google.com/site/krucombuntharik/raywicha-rabb-kherux-khay/kha-xthibay-raywicha/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-1

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 6 : วิเคราะห์ข้อสอบ O-net คอมพิวเตอร์



Week 6 : วิเคราะห์ข้อสอบ O-net คอมพิวเตอร์

1. FTP ย่อมาจากอะไร

. Files Technology Porcess
. Files Transfer Protocal
. Files Transfer Process
. Files Telecom Protocal

เฉลย ข.

FTP ย่อมาจาก File Transfer Protocol คือ โปรโตคอลเครือข่ายชนิดหนึ่ง ถูกนำใช้ในการถ่ายโอนไฟล์ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างการถ่ายโอนไฟล์ระหว่าง ไคลเอนต์ (client) กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นแม่ข่าย


2. ฮาร์ดแวร์หมายถึงอะไร
ก. หมายถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์
ข .หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ง. ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์

เฉลย ก.

ฮาว์ดแวร์ หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ตามลักษณะการทำงาน ได้ 4 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage) โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหน้าที่การทำงานแตกต่างกัน 


3..ซอฟต์แวร์หมายถึงอะไร
ก. อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์
ข. หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ง. ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์

เฉลย ข

- ซอฟแวร์ หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน


4.ข้อมูล 32บิตมีกี่ไบต์
ก. 2 ไบต์
ข. 3 ไบต์
ค. 4 ไบต์
ง. 5 ไบต์

เฉลย ค.

- 8 บิตเป็น 1 ไบต์


5.ไฟล์ประเภทใดในข้อต่อไปนี้เก็บข้อมูลในลักษณะตัวอักษร
 ก.  ไฟล์เพลง  MP3 
 ข.  ไฟล์รูปประเภท  JPEG 
 ค.  ไฟล์แสดงผลหน้าเว็บ 
 ง.  ไฟล์วีดีโอประเภท  Movie 

เฉลยข้อ  ค

MP3 - เป็นไฟล์เสียงดิจิตอลที่สามารถเปิดและดูได้โดยโปรแกรมเล่นไฟล์เสียงต่างๆ
JPG - เป็นประเภทไฟล์ภาพแรสเตอร์และรูปแบบไฟล์ใช้จัดเก็บภาพถ่ายดิจิตอล
HTML  - เป็นภาษาหลักที่ใช้ในการเขียนเว็บ
MOV - เป็นข้อมูลวิดีโอที่



อ้างอิง

http://iam.hunsa.com/nlkzaaba/article/21374
http://www.testthai1.com/read.php?tid=4668

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรื่องที่นักเรียนสนใจ [2]

ประวัติ สโมสรฟุตบอล รีล มาดริด ลาลีกาสเปน


                             โลโก้สัญลักษณ์สโมสรฟุตบอล รีล มาดริด 

ชื่อเต็ม :Real Madrid Club de Fútbol
ฉายา :ราชันชุดขาว (The Whites)
ก่อตั้ง : 6 มีนาคม ค.ศ. 1902 (ในชื่อ Sociedad Madrid FC)
สนาม :สนามซานเตียโก เบร์นาเบว มาดริด, สเปน
ความจุ 80,400 ที่นั่ง
ประธานสโมสร  : ฟลอเรนติโน เปเรซ
ผู้ จัดการทีม  : ราฟาเอล เบนิเตซ


images 
      by free.in.th

ประวัติ สโมสรฟุตบอล รีล มาดริด ลาลีกาสเปน
สโมสร ฟุตบอลเรอัลมาดริด (Real Madrid Club de Fútbol) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เรอัลมาดริด, ราชันชุดขาว หรือ รีลมาดริด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสเปน ตั้งอยู่ที่กรุงมาดริดเมืองหลวงของประเทศ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1902 เล่นในลาลีกา และเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลศตวรรษที่ 20 โดยสามารถคว้าแชมป์ลาลีกาได้ทั้งสิ้น 31 สมัย ถ้วยโกปาเดลเรย์ 17 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 9 สมัยซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของรายการ นอกจากนั้น เรอัลมาดริดยังได้เป็นสมาชิกของกลุ่มจี-14 ซึ่งเป็นกลุ่มของสโมสรฟุตบอลชั้นนำของยุโรปอีกด้วย

สนามเหย้าของ สโมสรคือสนามซานเตียโก เบร์นาเบว อันมีชื่อเสียงแห่งกรุงมาดริด เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่มีสมาชิก (socios) เป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1902 ซึ่งแตกต่างกับสโมสรส่วนใหญ่ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2000 ฟีฟ่าได้จัดว่าเรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20

ราชัน ชุดขาวนั้นเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการแข่ง ขันของยูฟ่าด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 9 สมัยและยูฟ่าคัพ 2 สมัย ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่น ๆ ทุกสโมสร  มีเพียงโทรฟี่ยุโรปเดียวที่เรอัลมาดริดยังไม่เคยได้ นั่นคือ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ซึ่งพวกเขามีสิทธิ์เล่น 2 ครั้งแต่ก็พ่ายไปทั้งสองนัดโดยครั้งแรกแพ้ให้กับเชลซี 2-1 ในปี ค.ศ. 1971 และเสมอ 1-1 ในนัดแรกก่อนที่จะแพ้ 1-0 ในนัดที่สองให้กับอาเบอร์ดีนด้วยประตูรวม 2-1 ในปี ค.ศ. 1983

อ้างอิง 
http://data2.7m.cn/team_data/345/th/index.shtmlhttp://board.postjung.com/533584.html